มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor)
คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล (Mechanical Energy)
ซึ่งพลังงานกลที่ได้นี้จะอยู่ในรูปของการหมุนของเพลา (Shaft) มอเตอร์ไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง
ในการขับเคลื่อนเครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายชนิดในชีวิตประจำวันและ
อุตสาหกรรม


หลักการทำงาน
มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ทำงานบนหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetism) เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวนำที่อยู่ภายในมอเตอร์ จะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้น ซึ่งสนามแม่เหล็กนี้จะทำปฏิกิริยากับสนามแม่เหล็กหลักที่มีอยู่ (ไม่ว่าจะมาจากแม่เหล็กถาวรหรือขดลวดสนามแม่เหล็ก) ทำให้เกิดแรงบิด (Torque) ขึ้นบนเพลาของมอเตอร์ ส่งผลให้เพลาหมุน และเกิดเป็นพลังงานกลออกมา
ชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้า
สามารถแบ่งประเภทหลัก ๆ ตามชนิดของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ได้ดังนี้
- มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (DC Motor): ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current, DC) เป็นแหล่งพลังงาน มีข้อดีคือสามารถควบคุมความเร็วรอบและการทำงานได้ง่ายและแม่นยำ มักใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย หรือเครื่องมือพกพาที่ใช้แบตเตอรี่
– มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor): ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current, AC) เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งเป็นไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไปตามบ้านและโรงงานอุตสาหกรรม แบ่งเป็นชนิดย่อย ๆ เช่น มอเตอร์ซิงโครนัส (Synchronous Motor) และมอเตอร์เหนี่ยวนำ (Induction Motor)
ส่วนประกอบหลักของมอเตอร์ไฟฟ้า
แม้ว่ามอเตอร์จะมีหลายชนิด แต่โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบหลักที่คล้ายกัน ได้แก่
1.สเตเตอร์ (Stator): เป็นส่วนที่อยู่กับที่ ทำหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กหลัก ประกอบด้วยโครงมอเตอร์ (Housing) และขดลวดสเตเตอร์ (Stator Winding) หรือแม่เหล็กถาวร
2.โรเตอร์ (Rotor): เป็นส่วนที่เคลื่อนที่ (หมุนได้) ภายในสเตเตอร์ ประกอบด้วยแกนเหล็กที่มีขดลวดตัวนำพันอยู่ (สำหรับมอเตอร์แบบมีแปรงถ่าน) หรือเป็นแท่งตัวนำคล้ายกรงกระรอก (สำหรับมอเตอร์เหนี่ยวนำ) ซึ่งเมื่อเกิดแรงบิดก็จะทำให้เพลาของมอเตอร์หมุน
3.เพลา (Shaft): ส่วนที่ยื่นออกมาจากโรเตอร์ ทำหน้าที่ส่งผ่านพลังงานกลไปขับเคลื่อนโหลดภายนอก
4.ฝาครอบหัวท้าย (End Plates/Endshields) และลูกปืน (Bearings): ทำหน้าที่ยึดโรเตอร์ให้อยู่กับที่และช่วยให้การหมุนเป็นไปอย่างราบรื่น






